นอกจากจะเป็นประเทศที่มีความเจริญก้าวหน้าด้านเศรษฐกิจ สังคม การศึกษา และเทคโนโลยีแล้วนั้น สิงคโปร์ยังถือเป็นประเทศที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมมากเช่นกัน โดยหากใครเคยได้ไปทัวร์สิงคโปร์มาบ้างแล้ว จะเห็นได้ว่าที่นี่เขาอนุรักษ์ รักษาต้นไม้ใหญ่ ที่ทอดตัวเป็นแนวยาวอยู่ตามข้างถนน ฟุตบาท ใต้อาคาร ที่แม้ทางการจะสามารถตัดต้นไม้เหล่านั้นออกเพื่อนำมาสร้างถนนเพิ่มเติมได้ แต่กลับเลือกที่จะรักษาต้นไม้ใหญ่เอาไว้ เพื่อคอยให้ร่มเงาแก่ผู้สัญจรไปมา และนี่คืออีกหนึ่งเสน่ห์เล็กๆของสิงคโปร์
สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวก็เช่นกันค่ะ ที่แม้จะมีทั้งคาสิโน สวนสนุก ห้างสรรพสินค้าอยู่มากมาย แต่สิงคโปร์ก็ยังให้ความสำคัญกับสถานที่ท่องเที่ยวที่เน้นความเป็นธรรมชาติ หนึ่งในตัวอย่างของสถานที่ท่องเที่ยวที่เน้นธรรมชาติก็คือ “การ์เด้นบายเดอะเบย์” (“Garden by the Bay”) สวนแห่งใหม่ของสิงคโปร์
ที่แวดล้อมไปด้วยพืชพันธุ์กว่าหนึ่งพันชนิด
การ์เด้นบายเดอะเบย์ตั้งอยู่ริมอ่าวมารีน่า ในบริเวณที่ใกล้กับมารีน่าเบย์แซนด์ หรือ โรงแรมเรือชื่อดัง และเมอร์ไลออนพาร์คสถานที่ตั้งของเจ้าเมอร์ไลออน สัญลักษณ์ชื่อดังของสิงคโปร์ โดยการ์เด้นบายเดอะเบย์ถูกสร้างขึ้นบนพื้นที่กว่า 600 ไร่ ภายในแบ่งออกเป็น 3 โซน ได้แก่ โซนทิศใต้, โซนทิศตะวันออก และโซนจุดศูนย์กลาง ทั้งนี้โซนที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือโซนทิศใต้ เนื่องจากภายในบริเวณนี้จะมีเรือนกระจกสำหรับปลูกต้นไม้แปลกๆจากนานาประเทศ และเป็นที่ตั้งของไฮไลท์เด่นของการ์เด้นบายเดอะเบย์อย่างเจ้าต้น “ซุปเปอร์ทรีโกลฟ” (“Super Tree Grove”) ที่สูงสมชื่อซุปเปอร์คือประมาณตึก 9–16 ชั้น หรือราว 25–50 เมตร ที่จำลองการปลูกพืชในแนวตั้ง โดยจุดเด่นของต้นซุปเปอร์ทรีโกลฟคือความสามารถในการสร้างแสงไฟระยิบระยับในยามค่ำคืนซึ่งมาจากพลังงานของแผ่นโซล่าเซลล์ที่ติดไว้อยู่ตามแผงเหล็กของลำต้นนั่นเอง
ดังนั้นแล้วหากใครที่มาทัวร์สิงคโปร์แล้วเกิดอยากชมความงามของสวนการ์เด้นบายเดอะเบย์และแสงสีของต้นซุปเปอร์ทรีโกลฟจากพลังงานแสงอาทิตย์แล้วนั้น ก็ขอแนะนำว่าให้มาเยือนสวนแห่งนี้กันในช่วงเย็นถึงหัวค่ำค่ะ เพราะจะได้ชื่นชมความงามของต้นไม้ต่างๆ ไปพร้อมกับชมแสงสีสวยๆของต้นไม้ยักษ์
รวมทั้งวิวทิวทัศน์ของอ่าวมารีน่ายามพระอาทิตย์ตกดินอีกด้วย