รีวิว พาแม่ทัวร์ญี่ปุ่น เที่ยวเกียวโต

img_0500

ด้วยความที่เป็นประเทศที่เหมาะกับนักท่องเที่ยวทุกเพศ ทุกวัย ที่สามารถไปเยือนได้ทุก ๆ ฤดูกาล

ประเทศญี่ปุ่นจึงเป็นจุดหมายปลายทางในฝันของใครหลาย ๆ คน ซึ่งไม่ใช่เฉพาะนักท่องเที่ยววัยรุ่นเท่านั้น ที่อยากไปทัวร์ญี่ปุ่น เพราะนักท่องเที่ยวสูงวัย อย่างรุ่นคุณพ่อคุณแม่ คุณลุงคุณป้า ก็อยากจะไปทัวร์ญี่ปุ่นดูสักครั้งเช่นกัน

สำหรับคุณแม่ของผู้เขียนก็เช่นกันค่ะ ที่อยากจะไปญี่ปุ่น โดยแกก็ไม่พูดตรง ๆ หรอกนะ ว่าอยากไปทัวร์ญี่ปุ่น แต่จะใช้ถ้อยคำแบบอ้อมค้อมให้เรารู้ว่าอยากไป เช่นว่า “เห็นเขาว่ากันว่า แช่ออนเซ็นนี่ดีกับคนแก่นะ” หรือไม่ก็ “เห็นเขาว่ากันว่าอาหารญี่ปุ่นที่ญี่ปุ่นน่ะ อร่อยกว่าตามร้านในไทยเยอะเลยนะ อิจฉาพวกเพื่อนที่ไปจัง กลับมาโม้กันใหญ่” นั่น!  ก่อนจะปล่อยคุณแม่ให้อ้อมโลกไปมากกว่านี้ ผู้เขียนเลยบอกให้แกพอ ๆ แล้วเดี๋ยวจะพาไปเอง และนั่นก็คือจุดเริ่มต้นของการพาแม่ทัวร์ญี่ปุ่น

สำหรับเมืองที่ผู้เขียนได้เลือกพาคุณแม่ไปเที่ยว ก็คือ เกียวโต สาเหตุที่เลือกเมืองนี้เพราะ เห็นว่าเป็นเมืองที่ค่อนข้างรักษาความโบราณไว้ได้เป็นอย่างดี น่าจะเหมาะกับผู้สูงวัยที่ชอบเข้าวัดเข้าวา (อิอิ) ชอบเดินช้า ๆ จะพาไปเมืองหลวงอย่างกรุงโตเกียว ก็กลัวจะเดินไม่ทันเขา จะไปฮอกไกโดก็กลัวจะหนาวจนตัวสั่น ดังนั้น ตัวเลือกอย่าง เกียวโต นี่ล่ะน่าจะเหมาะสมที่สุด โดยสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้พาคุณแม่ไปเยือน ก็เน้นสถานที่ที่น่าจะเป็นที่ถูกอกถูกใจผู้สูงวัย อาทิ

  • วัดน้ำใส หรือ วัดคิโยมิสึเดระ ที่นี่เป็นวัดเก่าแก่ ใจกลางกรุงเกียวโต ที่มีสายน้ำศักดิ์สิทธิ์ ไว้ให้ผู้มาเยือนได้ขอพร บริเวณภายในของวัดร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ใหญ่ และสวนหย่อมสวยงาม ถูกใจวัยเก๋าเขาล่ะ นอกจากนี้ รอบนอกวัดก็ยังมีร้านค้า ขายอาหาร ของที่ระลึก ให้ได้เดินเลือกชอป ชิม กันจนแทบลืมเวลา
  • ตลาดนิชิกิ ตลาดสดใจกลางกรุงเกียวโต ที่ไม่ได้ขายแค่ของสด ที่นี่ไม่ได้เป็นสถานที่ยอดนิยมของนักท่องเที่ยวเท่าไรนัก เพราะไม่ใช่ไฮไลท์เด่น แต่พอได้ไปแล้ว ปรากฎว่าคุณแม่ปลื้มมากกกกกก เพลิดเพลินไปกับการเดินดูอาหารสด อาหารแห้ง แบบญี่ปุ่นแท้ ๆ แถมมีให้ชิมตลอดทาง ของฝากที่ระลึกก็แปลก ๆ คนละสไตล์กับที่ขายตามร้านในสถานที่ท่องเที่ยว เลยได้ของติดไม้ติดมือมากันจนกระเป๋า(สตางค์) ปริ
  • ย่านกิอน อีกหนึ่งย่านโบราณของกรุงเกียวโต ที่ได้ชื่อว่าเป็นจุดรวมสถานบันเทิงแบบดั้งเดิมสไตล์ญี่ปุ่นเอาไว้ในที่เดียวกัน ที่นี่เต็มไปด้วยร้านอาหารโบราณ มีบ้างที่จะได้เห็น ไมโกะ หรือ เกอิชาฝึกหัด เดินผ่านไปมา พอให้คุณแม่ได้ตื่นเต้น

นอกจากนี้ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอื่น ๆ ในกรุงเกียวโตอีกหลายแห่งที่น่าสนใจ พอจบทริป คุณแม่ก็ได้เรื่องไว้เม้ากับเพื่อน ไว้อวดชาวบ้าน ไปได้อีกนาน

ทั้งนี้สำหรับใครที่อยากจะใช้เวลากับคุณพ่อ คุณแม่ หรือ ผู้ใหญ่ในบ้าน โดยการไปเที่ยวต่างประเทศด้วยกัน แต่ไม่รู้จะไปไหน ผู้เขียนก็ขอแนะนำทัวร์ญี่ปุ่นไว้ในอ้อมใจค่ะ เพราะจากประสบการณ์ตรงแล้วนั้น ญี่ปุ่นคือสถานที่ที่เหมาะสมกับการนี้จริง ๆ

สนใจทัวร์ญี่ปุ่น ติดต่อได้ที่ Double Enjoy – ทัวร์ญี่ปุ่น

ทัวร์ญี่ปุ่น ความนิยมอันดับต้นๆ ของคนไทย

ทัวร์ญี่ปุ่นประเทศที่เป็นที่นิยม และคนไทยเดินทางไปท่องเที่ยวเป็นจำนวนมากในปีที่ผ่านมา บอกเพียงเท่านี้หลายท่านคงนึกออกทันที นั่นคือ ประเทศญี่ปุ่น บริษัททัวร์ญี่ปุ่นจำนวนมาก ขายทัวร์ญี่ปุ่นกันได้ทุกวัน เที่ยวกันได้ทุกสัปดาห์และเที่ยวได้ตลอดทั้งปี เที่ยวได้ทุกฤดูกาล เพราะแต่ละฤดู แต่ละภูมิภาค มีสิ่งน่าสนใจแตกต่างกัน ทั่วทั้งประเทศมีเทศกาล สถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจไม่น้อยไปกว่ากัน รวมทั้งอาหารการกิน ภูมิอากาศ ภูมิประเทศ ที่น่าไปสัมผัส ไปชิม ไปชม ไปช็อป ได้ตลอดทุกฤดูกาล บริษัททัวร์ญี่ปุ่น มีกลยุทธ์เชิญชวนกันหลากหลาย โปรโมชั่นหลายรูปแบบ แถวด้วยไวไฟฟรี ให้เลือกได้อย่างจุใจ

เทศกาลที่เป็นที่นิยมมาช้านาน ไม่เปลี่ยนแปลง หนึ่งในนั้น คือ เทศกาลชมดอกซากุระ นอกจากประชาชนชาวไทยที่ชื่นชอบดอกซากุระ ชาวญี่ปุ่นก็นิยมไม่แพ้กัน เพราะเป็นดอกไม้ประจำชาติ และเป็นสัญลักษณ์ของประเทศญี่ปุ่น ถึงขนาดจัดให้มีเทศกาลทัวร์ชมดอกซากุระและสถานที่สำหรับให้ชาวญี่ปุ่นออกมาชมดอกซากุระโดยเฉพาะ หรือนัดพบปะสังสรรค์ หรือปิกนิกกันอย่างเป็นทางการ

นอกจากดอกซากุระ ยังมีดอกไม้ชนิดอื่นที่ชาวญี่ปุ่นตั้งใจปลูกขึ้นมาเพื่อเป็นแหล่งท่องเที่ยวโดยเฉพาะ เพราะนักท่องเที่ยวที่ไปทัวร์ญี่ปุ่น กับเรา จะได้ชมความงานของดอกไม้เหล่านี้แบบสุดลูกหูลูกตา เป็นลานกว้าง บานสะพรั่งทั่วท้องทุ่ง สวยสดงดงาม รอให้ผู้มาเยือนได้เก็บภาพสวยๆ ของดอกไม้กันทุกปี และตลอดทั้งปี เช่น ดอกคาวาสึซากุระ จัดอยู่ในดอกซากุระประเภทหนึ่ง แต่จะบานก่อนซากุระจริงประมาณหนึ่งเดือน โดยเริ่มตั้งแต่ มกราคม – กุมภาพันธ์ ทุ่งดอกพิงค์มอส หรือชิบะซากุระ (บานในช่วงเมษายน – พฤษภาคม) ดอกเนโมฟิลล่า หรือทุ่งดอกสีฟ้า มีช่วงระยะเวลาสั้นเพียงหนึ่งเดือน คือ เมษายนเท่านั้น เป็นดอกไม้พันธุ์เตี้ย มีกลีบห้ากลีบสีม่วงหรือน้ำเงิน ดอกทิวลิป ดอกฟูจิ มีอีกชื่อหนึ่งคือ ดอก Wisteria เป็นดอกสีม่วงห้อยเป็นพวง บานช่วงเดือนเมษายนเท่านั้น ดอกกุหลาบ ดอกฝิ่น ดอกอาจิไซ (ออกดอกเป็นพุ่ม สีม่วงเป็นช่อๆ) ดอกลาเวนเดอร์ ดอกคอสโม (เป็นดอกไม้ที่ปลูกกันเป็นทุ่งกว้าง มีสีชมพูและเป็นพืชพันธุ์เตี้ย)   จะเห็นได้ว่า มีดอกไม้หลายชนิดที่ชื่อแปลกหู ไม่คุ้นเคย และหาชมได้ยาก บางชนิดมีระยะเวลาให้ชมสั้นๆ เพียงหนึ่งเดือนเท่านั้น ถ้าพลาดแล้วจะน่าเสียดายและต้องรออีกหนึ่งปี หรือท่านใดที่สนใจทัวร์ญี่ปุ่น เพื่อชมดอกไม้ ชมความงามสีสันสดใส ม่วง เขียว แดง ชมพู และอีกหลากสีสันพร้อมกันหลายๆสี

ทัวร์ญี่ปุ่น ของเราขอแนะนำท่านให้รีบติดต่อสอบถาม จองที่นั่งกันได้ เพราะดอกไม้หลายชนิด หลายสายพันธ์ หาชมที่ใดไม่ได้นอกจากญี่ปุ่นเท่านั้น และบางทีท่านอาจได้ของแถมอย่างอื่นนอกจากดอกไม้กลับมาเป็นของฝากได้อีกด้วย ลองติดต่อสอบถามกับเรา ผู้เชี่ยวชาญการนำทัวร์ญี่ปุ่น หลากหลายรูปแบบ

“โอกินาว่า” เกาะเล็กๆ ตอนใต้ของญี่ปุ่น

ทัวร์ญี่ปุ่น โอกินาว่า

จังหวัดโอะกินะวะ ยังเป็นที่ตั้งฐานทัพเรือของสหรัฐอเมริกา ในช่วงสงครามโลกอีกด้วย ซึ่งปัจจุบันยังคงเหลืออยู่ ตั้งอยู่บนเกาะโอะกินะวะ เมืองนะฮะอันเป็นเมืองเอกในปัจจุบัน ในอดีตเป็นศูนย์กลางของอาณาจักรริวกิว แต่ถูกญี่ปุ่นยึดเอามาผนวกเข้ากัน ปัจจุบันเป็นเมืองพักตากอากาศ และเป็นต้นกำเนิดศิลปะการต่อสู้อย่างคาราเต้ มีหาดทรายขาวสวย น้ำทะเลสีครามและปะการังที่ยังสมบูรณ์ ทำให้จังหวัดโอะกินะวะเป็นแหล่งท่องเที่ยวพักร้อนในฝันของชาวญี่ปุ่น

เกาะโอกินาว่า เป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดใน หมู่เกาะริวกิว ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของญี่ปุ่น มีสภาพภูมิอากาศแบบร้อนชื้น และเป็นที่ตั้งฐานทัพเรือของสหรัฐฯในช่วงสงครามโลกด้วย เป็นเกาะที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวทั้งภาษา วัฒนธรรมและการใช้ชีวิตความเป็นอยู่ต่างกับดินแดนส่วนอื่นของญี่ปุ่น เกาะโอกินาว่า ประกอบไปด้วยเกาะน้อยใหญ่ที่อยู่กระจัดกระจายในบริเวณกว้าง มีหาดทรายขาวสวย น้ำทะเลสีครามและปะการังที่ยังสมบูรณ์ ทำให้โอคินาวาเป็นแหล่งท่องเที่ยวพักร้อนในฝันของชาวญี่ปุ่น

โอกินาว่าเวิลด์ แหล่งแสดงวัฒนธรรมดั้งเดิมของหมู่เกาะริวกิว นำท่านสัมผัสความงดงามของระบำอิซา ซึ่งเป็นระบำพื้นเมืองที่อยู่คู่มากับชาวพื้นเมืองเป็นเวลาหลายร้อยปี นอกจากนี้ภายในยังมี โรงงานเครื่องแก้วริวกิว ที่มีชื่อเสียงมาก และนำท่านแวะชม ถ้ำมรกตเกียคุเซ็นโด เป็นถ้ำหินงอกหินย้อยสวยงามอยู่ภายใต้ผืนดินที่ลึกกว่า 30 เมตร ภายในได้จัดสร้างทางเดินเพื่อให้สามารถชมความงามของถ้ำที่ยาวกว่า 700 เมตร

ภายในถ้ำจะมีอากาศเย็นตลอดทั้งปี เนื่องจากเป็นที่ที่มีธารน้ำไหลผ่านซอกหินตลอดเวลา จึงทำให้เกิดหินงอกหินย้อยขนาดใหญ่และเป็นบริเวณกว้าง ชมการแสดง ระบำพื้นเมืองเอซะ ซึ่งเป็นการแสดงระบำของชนเผ่าริวกิว มีการร้องรำด้วยเครื่องดนตรีพื้นเมือง เช่น เครื่องสายซันชิน กลองโอะไดโกะ ชิเมะไดโกะ เป็นต้น

การเดินทางมาเกาะโอกินาว่า
การเดินทาง สู่โอกินาว่านั้นจะต้องบินมาลงเครื่องที่ สนามบินนาฮ่า (Naha Airport) ใช้เวลาประมาณสองชั่วโมงเศษๆ จากโอซาก้าหรือโตเกียว บนเกาะไม่มีรถไฟให้ใช้ จึงจำเป็นต้องนั่งรถบัส รถแท๊กซี่หรือสามารถเช่ารถขับบนเกาะนี้ได้

อนุสรณ์สถาน สันติภาพ ฮิโรชิม่า

อนุสรณ์สันติภาพฮิโระชิมะ (Hiroshima Peace Memorial) หรือที่รู้จักกันในชื่อว่า โดมปรมาณู ตั้งอยู่ในเมืองฮิโระชิมะ ประเทศญี่ปุ่น ในอาณาเขตของสวนสันติภาพฮิโระชิมะได้รับการก่อตั้งเป็นอนุสรณ์ในปี พ.ศ. 2539 และขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปีเดียวกัน

อนุสรณ์สถานสันติภาพฮิโรชิม่า (Genbaku Dome) เก็นบาคุ โดม (Genbaku Dome) เป็นซากปรักหักพังของอาคารหอประชุมเมืองฮิโรชิม่า (Hiroshima) ซึ่งถูกทำลายจากการทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม ค.ศ. 1945 เนื่องจากระเบิดได้ทำลายบริเวณจุดนี้โดยตรง จึงทำให้ส่วนกำแพง ผนังของอาคารได้รับความเสียหายอย่างหนัก สถานที่แห่งนี้จะตราตรึงให้เราได้รำลึกถึงเหตุการณ์โศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้น และยับยั้งป้องกันไม่ให้เช่นนี้เกิดขึ้นอีกกับมนุษยชาติ
ต่อมาในช่วงต้นศตวรรษที่ 19 ผู้ว่าราชการจังหวัด ฮิโรชิม่า ชินโซ ฮาไม (Shinzo Hamai) ได้ระดมทุนด้วยตัวเองถึงขนาด ไปโตเกียวเพื่อหาเงินบริจาคตามท้องถนน มาซ่อมแซมให้อาคารนี้ยังคงสภาพเดิม เหมือนกับสภาพหลังจากโดนระเบิดนิวเคลียร์ และหลังจากนั้นในอีก 90 ปีต่อมา ปี ค.ศ. 1996 องค์การ UNESCO ก็ได้ขึ้นทะเบียนอะตอมมิกบอมโดม เป็นมรดกโลก

ปัจจุบันเมืองฮิโระชิมะ มีประชากรอาศัยอยู่ราวๆ 1,200,000 คน ทุกๆ วันที่ 6 สิงหาคม จะมจะรวมตัวกันเพื่อสงบนิ่ง ไว้อาลัยให้แก่ผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ข้างต้น และสั่นกระดิ่งแห่งสันติภาพ และมีการปล่อยนกพิราบหลายพันตัวขึ้นสู่ท้องฟ้า เป็นสัญลักษณ์อันจะเตือนใจและไว้อาลัยให่แก่ผู้เสียชีวิต ซึ่งหลังจากที่สหรัฐฯทิ้งระเบิดลูกแรกที่เมืองฮิโรชิมา 3 วันต่อมา ก็มีการทิ้งระเบิดลูกที่สองที่เมืองนางาซากิ จากนั้น ญี่ปุ่นจึงประกาศยอมแพ้สงคราม ในอีก 6 วันถัดมา ซึ่งถือเป็นจุดสิ้นสุดของสงครามโลกครั้งที่ 2
พิพิธภัณฑ์ สันติภาพ ฮิโรชิม่า

ฝั่งตรงข้ามแม่น้ำโมโตยาสุ (Motoyasu) ที่ไหลผ่านเก็นบาคุ โดม (Genbaku Dome) เป็นสวนอนุสรณ์สถานสันติภาพ ที่ซึ่งเราจะได้พบกับพิพิธภัณฑ์อนุสรณ์สถานสันติภาพ หลุมฝังศพอนุสรณ์ อนุสาวรีย์สันติภาพเด็ก และอนุสาวรีย์ผู้ประสบเหตุการณ์ระเบิด ด้านหน้าอนุสาวรีย์สันติภาพฮิโรชิม่า (Hiroshima) ภายในสวนสาธารณะ จะมีลานประกอบพิธีเพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์ในทุกวันที่ 6 สิหาคมของทุกปี รำลึกถึงวิญญาณของผู้เสียชีวิต และสวดวิงวอนเพื่อความสันติสุขของโลก … อ่านต่อ

เจแปนแอลป์ กำแพงหิมะ ประเทศญี่ปุ่น (JAPAN ALPS)

เจแปนแอลป์ กำแพงหิมะ ประเทศญี่ปุ่น (JAPAN ALPS)
“มหัศจรรย์ Snow Wall อันสวยงาม บนเส้นทาง “Tateyama Kurobe Alpine Route”
ครั้งเดียวในรอบปี ช่วงเมษายน – พฤษภาคม นี้เท่านั้น!”

กำแพงหิมะ ณ หุบเขาแอลป์ญี่ปุ่น-ทาเทยาม่า ปีหนึ่งเที่ยวได้แค่ครั้งเดียว คือ ช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคมเป็นช่วงที่น้ำแข็งหิมะที่อื่นละลายไปหมดแล้วคงเหลือแต่ที่ยอดเขาที่นี่ที่เดียว จนถูกเรียกกว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวหิมะน้ำแข็งฤดูร้อน ที่นี่มีป่าสนดึกดำบรรพ์ ที่มีอายุกว่า 1,000 ปี เสน่ห์แห่งทุ่งราบเขียวขจีแซมสลับด้วยสีสันของ ดอกไม้ที่แข่งกันบานอวดสีสันสวยงามของช่วงฤดูร้อนที่สดใส บนยอดดอยสูงจุดชมวิวสูงที่สุดของเส้นทางนี้ มองเห็นทะเลสาบน้อยใหญ่ ทะเลเมฆ

ช่วงปลายเมษายน-ต้นมิถุนายน จะได้สัมผัสความงามด้วยการลัดเลาะซอกกำแพงน้ำแข็ง (Ice Wall)
สูงกว่า 20 เมตร นับเป็นธรรมชาติ แสนมหัศจรรย์ยิ่ง นั่นคือสิ่งที่น่าสนใจและสร้างความตื่นเต้น จากการได้สัมผัสความหนาวเย็นในฤดูร้อน ระหว่างเดินทางผ่านกำแพงหิมะสูงตามถนนสายนี้ไปสู่ยอดเขา กำแพงหิมะทั้งสองข้างเป็นถนนเชื่อมต่อระหว่างหมู่บ้าน หิมะตกมาทับถนนจนไม่สามารถสัญจรได้

แต่หลังจากหิมะหยุดตกและน้ำแข็งเริ่มกดตัวแข็ง ชาวบ้านก็ช่วยกันเจาะตรงกลางให้เป็นถนนกำแพงหิมะ เพื่อให้รถและคนเดินผ่านได้ ระดับความสูงของเทือกเขานี้ ได้เปิดโอกาสให้ได้ศึกษาสภาพแวดล้อมของธรรมชาติที่เปลี่ยนแปลงไปเป็นช่วงๆเริ่มจากธารน้ำที่มองเห็นได้จากรถกระเช้าที่ลอยสูงขึ้นไปจนถึงสถานีที่ 2 จะเปลี่ยนมานั่งรถนำเที่ยวระบบยูโร 4 ที่อนุรักษ์ สิ่งแวดล้อมไร้มลพิษจะนำผ่านป่าที่อนุรักษ์ไว้เช่นกันด้วยการไม่ทำลายภูเขา ช่วงนี้อากาศเริ่มหนาวถึงขั้นหิมะตก จนเห็นแต่หิมะขาวโพลนไปหมด เหมือนกำลังอยู่กลางขั้วโลกเหนืออย่างนั้นเลย
อากาศหนาวที่นี่ไม่ได้เย็นจัดจนปวดตัวเหมือนฤดูหนาวที่ผ่านมา แต่คนเอเชียเมืองร้อนก็ต้องระดมชุดเสื้อกันหนาวใส่ 3 ชั้นก็ยังไม่รู้สึกว่าอุ่น บางคนผิวหน้าบางหน้าลอกกันเลยทีเดียว ต้องทาครีมป้องกันผิวหนังกันเป็นที่สนุกสนาน… ตลอดเส้นทางของการเดินทางที่สวยงามไปสู่หุบเขาแอลป์ญี่ปุ่น “ทาเทยาม่า” (JAPAN ALPS TATEYAMA) นี้ ทุกอย่างล้วนแต่ทันสมัยและไร้สารที่ก่อให้เกิดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม

จุดที่สูงที่สุดของเส้นทางนี้ ตั้งอยู่ที่บริเวณมุโระโด (Murodo) 2,450 เมตร นักท่องเที่ยวจะสามารถมองเห็นวิวกำแพงหิมะที่ยิ่งใหญ่ ที่เรียกว่า “ยุกิ โนะ โอะทะนิ” (Yuki no Otani หรือกำแพงหิมะ) ได้ตั้งแต่วันที่ 17 เมษายน – 31 พฤษภาคม ซึ่งเป็นเวลาหลายปีที่หิมะที่ตกหนักจนทับถมกันสูงขึ้นจนถึงประมาณ 20 เมตร วิวที่เห็นระหว่างที่รถบัสวิ่งผ่านกำแพงหิมะจึงตื่นเต้นตระการตา คุณจะไม่เพียงสนุกสนานไปกับการชมวิวจากรถบัส แต่ยังสามารถลงจากรถและสัมผัสความสูงตระหง่านของ “ยุกิ โนะ โอะทะนิ” ได้อย่างใกล้ชิด และให้คุณได้สัมผัสรสชาติฤดูใบไม้ผลิอย่างเต็มที่ที่ญี่ปุ่น

ฤดูท่องเที่ยวของ Tateyama Kurobe Alpine Route (เปิด / ปิด)
1. เปิดเพียงบางส่วน ในวันที่ 10 มีนาคม เปิดในส่วนของเส้นทางอัลไพน์ คือ จากสถานี Tateyama ถึง Midagaha และจาก Ogizawa ถึง Murodo
2. เปิดครบทั้งหมด ตั้งแต่วันที่ 17 มีนาคม ไปจนถึง 30 พฤศจิกายน นั่นหมายถึง เริ่มตั้งแต่ สถานี Tateyama เรื่อยไปจนถึง Ogizawa

การเดินทางโดยรถไฟ
1. จากโตเกียว (Tokyo) ไปยังโทมาม่า (Toyama) สามารถเดินทางโดยรถไฟ JR Joetsu Shinkansen ใช้เวลาราว 75 นาที ถึงสถานี Echigo-Yuzawa แล้วเปลี่ยนรถไฟไปเป็น JR Hakutaka Limited Express มุ่งตรงสู่ โทยาม่า ใช้เวลาราว 2 ชั่วโมง
2. จากโตเกียว (Tokyo)ไปยังชินาโนะ โอมาจิ (Shinano-Omachi) สามารถเดินทางออกจากสถานีชินจูกุ โดยรถไฟ Azusa Limited Express ใช้เวลาราว 2.5 ชั่วโมง ไปถึงเมืองมัตสึโมโต้ (Matsumoto) และเปลี่ยนรถไฟเป็น รถไฟ JR Oito จะใช้เวลาในการเดินทางราว 1 ชั่วโมง ถึงชินาโนะ โอมาจิ
3. จากโอซาก้า (Osaka) หรือเกียวโต (Kyoto) ไปยังโทมาม่า (Toyama) สามารถเดินทางโดยรถไฟ JR Thunderbird Limited Express ใช้เวลาในการเดินทางราว 3 – 4 ชั่วโมง
4. จากโอซาก้า (Osaka) หรือเกียวโต (Kyoto) ไปยังชินาโนะ โอมาจิ (Shinano-Omachi) สามารถเดินทางโดยรถไฟ JR Tokaido Shinkansen เดินทางราว 1 ชั่วโมงถึงเมืองนาโงย่า (Nagoya) และเปลี่ยนรถไฟเป็น JR Oito เดินทางต่อไปอีกราว 1 ชั่วโมง ถึงชินาโนะ โอมาจิ … อ่านต่อ

พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไคยูคัง (Osaka Aquarium Kaiyukan)

พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไคยูคัง (Osaka Aquarium Kaiyukan)
“ พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำในร่มที่ใหญ่ที่สุดในโลก โอซาก้า ”
ไคยูคังเปิดให้บริการครั้งแรกเมื่อวันที่ 20 กรกฏาคม พ.ศ.2533 เป็นพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำของเมืองในร่มที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีปริมาณน้ำรวมทั้งหมด 11,000 ตัน ที่ ไคยูคัง จัดแสดงสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติของพื้นที่ 10 แห่ง ที่อยู่ล้อมรอบมหาสมุทรแปซิฟิกด้วยแทงก์น้ำขนาดใหญ่จำนวน 14 แทงก์ จัดแสดงโดยใช้หัวข้อว่า วงแหวนแห่งไฟ และ วงแหวนแห่งชีวิต ซึ่งมีพื้นฐานแนวความคิดที่ว่าโลกที่มีแผ่นดินไหวและภูเขาไฟประทุกับสิ่งมีชีวิตทั้งหมดที่อาศัยอยู่บนโลกเป็นระบบสิ่งชีวิตหนึ่งที่ต่างก็เกื้อกูลซึ่งกันและกัน ซึ่งหากใครที่มาทัวร์ญี่ปุ่นแล้วล่ะก็ ไม่ควรพลาดเด็ดขาด

ซึ่งมีพื้นฐานแนวความคิดที่ว่าโลกที่มีแผ่นดินไหว และภูเขาไฟประทุกับสิ่งมีชีวิตทั้งหมดที่อาศัยอยู่บนโลก เป็นระบบสิ่งมีชีวิตหนึ่งที่ต่างก็เกื้อกูลซึ่งกันและกัน การเข้าชมในไคยูคังจะเริ่มต้นจาก “ถ้ำทะเลประตูน้ำ”

“หน้าห้องอาหารก็จะจัดแสดงเจ้าปูยักษ์ แห่งโอซาก้า”

พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไคยูคัง หรือ พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำโอซากา ไคยูคัง หรือที่นิยมเรียกสั้นๆ ว่า ไคยูคัง เป็นพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำขนาดใหญ่แห่งหนึ่งของประเทศญี่ปุ่น และทวีปเอเชียตั้งอยู่ที่เท็มโปซังฮาเบอวิลเลจ (Tempozan Harbor Village) ในเมืองโอซากา มีทั้งหมด 8 ชั้นไคยูคัง (เท็มโปซังฮาเบอวิลเลจ) ตั้งอยู่บริเวณอ่าวโอซาก้า เขตมินาโตะ จังหวัดโอซาก้า อาคารรูปทรงเรขาคณิตแปลกตาทาบทาด้วยสีสันสดใสหลังนี้ คือพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำเมืองโอซากา หรือ (Osaka Aquarium) ตั้งอยู่ริมอ่าวบริเวณท่าเรือเมืองโอซากา (Osaka’s Port)

“ถ้ำทะเล” เส้นทางผ่านเข้าสู่ดินแดน “วงแหวนแห่งไฟ” ในไคยูคัง

มุมขายของที่ระลึกในพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไคยูคัง มีตุ๊กตาฉลามวาฬ ตุ๊กตาสัตว์ต่างๆ ในพิพิธภัณฑ์ และของที่ระลึกต่างๆ มากมายให้เลือกสรร

สำหรับท่านที่เดินทางมาโดยเครื่องบิน ให้มาลงที่สนามบินนานาชาติคันไซ หรือ สนามบินนานาชาติโอซาก้า จะสะดวกที่สุด สำหรับท่านที่เดินทางโดยรถไฟสายโตเกียว คิวชู ให้โดยสารรถไฟชินคังเซ็นจากสถานีชินโอซาก้ามา
เวลาเปิด – ปิด : 9.30-20.00 น.
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 2,300 เยน เด็ก 1,200 เยน
การเดินทาง : สถานี Osakako สังเกตป้ายทางออกไปพิพิธภัณฑ์ เดินตรงไปสุดทาง พิพิธภัณฑ์อยู่ทางซ้ายมือ … อ่านต่อ

หมู่บ้านชิราคาวาโกะ (Shirakawa-go)

หมู่บ้านชิราคาวาโกะ 

หมู่บ้านชิราคาวาโกะ ตั้งอยู่บนภูเขาในเขตจังหวัดกิฟูและโทยามา (Gifu and Toyama Prefectures) ทางตอนกลางของเกาะฮอนชู ประกอบไปด้วยบ้านเรือนรูปร่างแปลกตาที่มีอายุเก่าแก่กว่า 200-300 ปี กระจายไปในแนวเหนือ-ใต้ ตามที่ราบแคบๆ ที่ขนานไปกับแม่น้ำโชกาวะ (Shokawa River)

หมู่บ้านแห่งนี้มีสิ่งที่แปลกตาคือหลังคาทรงสูงที่มีความชันมากถึง 60 องศากับพื้นดิน จนดูเหมือนคนพนมมือภาษาญี่ปุ่นจึงเรียกสถาปัตยกรรมแบบนี้ว่าเป็นรูปแบบกัสโช (Gassho-zukuri) ซึ่งแปลว่าสร้างแบบพนมมือ ด้านหน้าทำเป็นหน้าจั่วแบบบ้านทรงไทย มีการเจาะช่องหน้าต่างเพื่อรับแสงสว่างจากภายนอก และเป็นการระบายอากาศให้ถ่ายเทจากด้านหนึ่งไปยังอีกด้านหนึ่ง เมื่อมองจากภายนอกจึงดูมีสัดส่วนสวยงาม

จุดท่องเที่ยวที่ดีที่สุดในการสัมผัสบรรยากาศคือการพักค้างคืนในหมู่บ้านชาวนา มีบ้านหลายๆ หลังเปิดให้เป็นที่พักในแบบที่เรียกว่า Minshuku โดยเฉพาะที่ Ogimachi เป็นหมู่บ้านขนาดใหญ่ที่สุดของชิราคาวาโกะ บ้านวาดะ (Wada) และ บ้านนางาเสะ (Nagase) ในโอกิมาชิ (Ogimashi) เปิดต้อนรับนักท่องเที่ยวทัวร์ญี่ปุ่น เพื่อที่จะได้รับประสบการณ์การเรียนรู้ว่าชาวบ้านดำรงชีวิตอย่างไรในอดีตที่ผ่านมา โดยเฉพาะในวันอาทิตย์สุดท้ายของเดือนสิงหาคมทุกปี จะมีประเพณีลุยน้ำ ซึ่งได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก

โกคายาม่า (Gokayama) มี หมู่บ้านอาอิโนะคุระ (Ainokura) ที่ซึ่งหมู่บ้านตั้งตระหง่านท้าทายขุนเขาอยู่ตลอดเวลา และ หมู่บ้านสุกะนุมะ (Suganuma) กับบ้าน 9 หลังที่รวมอยู่ในบ้าน 2 หลัง เป็นสิ่งล้ำค่าที่จะได้มาสัมผัสกับบ้านที่เป็นวัฒนธรรมอันเก่าแก่ และมีค่าของญี่ปุ่นนี้ จุดชมวิวของ ปราสาทโอกิมาชิ (Ogimashi) ได้รับความนิยมมากสำหรับการชมทัศนียภาพของหมู่บ้านชิราคาวาโกะ จะสามารถมองเห็นหมู่บ้าน 59 หลังคาเรือน จุดชมวิวนี้เหมาะมากกับการชมภาพมุมกว้างของหมู่บ้าน ไม่ว่าจะเป็นความเขียวชอุ่มของฤดูใบไม้ผลิ สีน้ำตาลแดงของฤดูใบไม้ร่วง หรือว่าในยามที่มีหิมะตกปกคลุม … อ่านต่อ